.. “.. ธรรมะ ” โดยหลักการก็คือ “หน้าที่”.. โดยสภาวะก็คือ “ความพอดี”… พอดีกับ เพศ ภาวะ สถานะ กาลเทศะ บุคคล… การปฏิบัติธรรม.. ก็คือการมาเรียนรู้การบริหารจัดการ “ความรู้สึก” ที่อยู่ภายในให้มีคุณภาพ.. เหมือนที่เราออกกำลังกายก็เพื่อหวังจะให้มีสุขภาพที่เข้มแข็งสดชื่น.. จะได้มีภูมิคุ้มกันที่จะอยู่ร่วมกับเชื้อโรคได้ดีกว่าคนที่อ่อนแอ… ฉันใดก็ฉันนั้น.. ถ้าเรามี “สติ” (ความระลึกได้).. ที่เข้มแข็ง.. “จิต” ( ผู้รู้ )..ก็จะมีกำลัง..กระบวนการคิดวิเคราะห์ก็จะมีคุณภาพ..มันถึงจะสามารถผลิต “ปัญญา” ที่มี “คุณภาพ” ให้ได้.. แล้วปัญญาที่มีคุณภาพเท่านั้นถึงจะเป็น “ภูมิคุ้มกัน” ไม่ให้เราเศร้าหมองกับสิ่งเร้าได้.. นั่นคือตัวบ่งชี้ว่า..เราจะสามารถอยู่ร่วมกับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนวุ่นวายได้ดี..มีความเป็นตัวของตัวเองที่อยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องตามทำนองครองธรรม..ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งยั่วยุตามกิเลสตัณหาอุปาทาน.. เหมือนกับคนด้อยคุณภาพทั่ว ๆ ไปที่จะเอาแต่ความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่.. โดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด..ไม่ได้แคร์ความรู้สึกของใครทั้งนั้น..ไม่ว่าขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี.. หรือแม้กระทั่ง “กฎหมาย” ของบ้านเมือง.. ซึ่งแน่นอนนั่นคือหนทางแห่ง “ทุกข์”.. ทั้งปัจจุบันและอนาคตล่ะ… “…
โดย ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม
ณ ศาลจังหวัดพิษณุโลก
เมื่อ วันที่ 23 มกราคม 2567