“…อย่าได้หลงลืมตัวเองจนเกินไป…ว่าตัวเองเป็นผู้มีความรู้ความสามารถเลิศกว่าคนอื่น…ว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่…เป็นนักวิทยาศาสตร์… ตราบใดที่เรายังหัวเราะ… ยังร้องไห้… ยังรู้สึกเครียด รู้สึกคับแค้นกับสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ …รู้สึกหดหู่เศร้าหมองกับสิ่งที่รักเสื่อมสลายไป…ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้คนที่ไม่มีการศึกษาเขาก็เป็นกัน…
…พระพุทธเจ้าท่านทรงพยายามบอกสอนเราให้รู้จักความเป็นจริงของสรรพสิ่งที่แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุตามปัจจัย…ไม่เสถียร ไม่จีรังยั่งยืน…ไม่มีสาระแก่นสาร…ไม่มีอยู่จริง…พระองค์สอนให้แก้ที่เหตุ…เพราะทุกอย่างเกิดจากเหตุ…อย่างเราโกรธเราไม่พอใจที่ไม่ได้ดั่งใจหรือถูกตำหนิติเตียน…ในมุมของเราก็จะดู “สิ่งรู้” ภายนอกเป็นหลักว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้…แต่พระพุทธเจ้าให้หันมาดู “ผู้รู้” อยู่ภายใน...แล้วพยายามแก้ไขผู้รู้นี้ให้รู้จริงตามเป็นจริง…ที่มันโกรธมันไม่พอใจเพราะมันยึดมันถือมันสำคัญมั่นหมายใน “รูปนาม” ตัวตนนี้ว่าเป็น “เรา” เป็น “ของ ๆ เรา” อย่างเป็นจริงเป็นจัง…พระองค์จึงพยายามบอกสอนให้…แยก “ธาตุ” แยก “ขันธ์” ดูให้เห็นจริงตามเป็นจริง ดูสิว่า…”เรา” อยู่ไหน…ในกอง “รูป” กอง “นาม” นี้…
…ถ้าในแง่วิทยาศาสตร์ไอ้รูปนามนี้ก็คือ “สะสารกับพลังงาน”…และไอ้สะสารกับพลังงานนี้มันจะมาจากไหน ถ้าไม่มาจาก…คาร์บอน…ไฮโดรเจน… อ๊อกซิเจน ฯลฯ…แล้วคนรุ่นใหม่ที่ร่ำเรียนมาแทบตายเวลาถูกกระทบทำไมไม่ “วิเคราะห์” สิ่งเร้าให้เป็น “ปัญญา” หล่อเลี้ยงจิตใจตัวเองล่ะ…ว่ามันด่า “คาร์บอน” มันนินทา “ไฮโดรเจน”…ทำไมต้องคิดแบบคนทั่วไปที่เขาไม่ได้มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ว่า “มันด่ากู” เล่า!!!…”
โดย ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม
โปรดคณาจารย์และนักศึกษา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560