“…เคยถ่ายรูปมั๊ย..เมื่อเราโฟกัสไปที่จุดไหน จุดนั้นก็จะชัดเจน…ยิ่งค่อย ๆ ซูมเข้ามาใกล้ ๆ ก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่แบคกราวด์ด้านหลังก็จะยิ่งเบลอ…ฉันใดก็ฉันนั้น ถ้าเราเอาความรู้สึกโฟกัสไปที่ปลายจมูก รู้อยู่กับลมหายใจเข้า…พุท …ลมหายใจออก…โธ …มันก็จะเด่นชัดอยู่ตรงจุดนี้แหละ ยิ่งค่อย ๆ ประคับประคองสติกำหนดรู้อยู่ตรงนี้ไปเรื่อย ๆ …ความสำคัญมั่นหมายกับเรื่องราวต่าง ๆ ก็จะเลือนรางไปไม่เด่นชัดเท่า…ภาษาของนักเล่นกล้องนักถ่ายภาพดูเหมือนเขาจะเรียกว่า…“ภาพชัดตื้น”(หน้าชัดหลังเบลอ)มั้ง แล้วถ้าหากเราสามารถประคับประคองสติกำหนดรู้อยู่ไม่หวั่นไหวคลอนแคลนไปกับสัญญาอารมณ์หลากหลายที่จรมา…ความรู้สึกที่เรากำหนดรู้อยู่กับสัญญาอารมณ์ในเบื้องต้นที่ปลายจมูก กับลมหายใจเข้าพุท ลมหายใจออกโธ ก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้น…ชัดขึ้น…ละเอียดขึ้น…ละเอียดขึ้น …เด่นขึ้น…เด่นขึ้น…จนกระทั่งปลายจมูกก็เลือนไป…ลมหายใจก็หายไป (ในความรู้สึก)…หูก็ดับไป..ไม่มีความสำคัญมั่นหมายกับสิ่งใด ๆ ภายนอก..ไม่มีขวาไม่มีซ้าย…ไม่มีหน้าไม่มีหลัง…ไม่มีบนไม่มีล่าง…เหลืออยู่แต่ สภาวะที่รู้เด่นแต่เพียงหนึ่งเดียว อยู่ภายใน…เหมือนลืมตาอยู่ในห้วงอวกาศอันเวิ้งว้างแต่ไม่รู้สึกอึดอัดขัดข้องอะไร…เปรียบเป็นรูปธรรมก็ประมาณ “ภาพชัดลึก” (หลังชัดหน้าเบลอ) ของนักเล่นกล้องนักถ่ายภาพนั่นแหละ…เอาเท่านี้ก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากัน…”

บางตอนในการบรรยายธรรมโดย
ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม
ณ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
เมื่อวันศุกร์ ที่ 24 กรกฎาคม 2558