เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 13.00 น. – 15.00 น. ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม เมตตาไปแสดงธรรมและนำนั่งสมาธิภาวนา ในรายวิชาทางเลือกของนิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 3ความซับซ้อนของชีวิต” (Complexity of life) ตามคำกราบนิมนต์ของ ผศ.พญ.อินทิพร โฆษิตานุฤทธิ์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร …ขออนุโมทนาบุญกับคณาจารย์ นิสิต และเจ้าหน้าที่ทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ..สาธุ ๆ ๆ

พระอาจารย์เมตตานำนั่งภาวนา
เป็นเวลา 30 นาที

ผศ.พญ.อินทิพร โฆษิตานุฤทธิ์
หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ผศ.พญ.สิรินันท์ ตรียะเวชกุล
ภาควิชาจักษุวิทยา
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

พญ.ฟ้าสินี อรุณโรจน์ปัญญา
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยนเรศวร

“แผ่เมตตาหลังจากนั่งภาวนาเสร็จ”
สาธุ…บุญกุศลใดหากเกิดขึ้นแล้วมีขึ้นแล้วแก่ข้าพเจ้านี้ ก็ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในวัฏสงสารนี้ทุกผู้ทุกคน ทุกรูปทุกนาม ทุกตัวทุกตน…ขอจงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนี้ด้วย…หากตกทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้าถึงสุขแล้วก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป …สาธุ

ท่านพระอาจารย์เมตตาสนทนาธรรม

“สารหล่อเย็น”

“…การ “ภาวนา” มันก็เหมือนกับการมาผลิต “สารหล่อเย็น” ให้กับ “จิต” กับ “ใจ” ของตัวเองนั่นแหละ..ธรรมดาเราจะควบคุมความร้อน เราก็ต้องใช้ของที่เย็นกว่าเข้าไปควบคุมเพื่อรักษาสมดุลไม่ให้มันร้อนจนเกินไป…อย่างง่ายที่สุดตั้งแต่โบราณมาก็คือใช้ “น้ำ”…แต่ถ้าต้องการที่จะให้ได้คุณภาพจริงๆ ณ ปัจจุบันจึงมี “สารเคมี” เกิดขึ้น…ทีนี้ถ้าประเด็นมันอยู่ที่ว่า “จิตใจ” มัน “เร่าร้อน” ล่ะ..ลำพัง…จะใช้ “น้ำ” หรือ “ยา” ก็คงจะได้ระดับหนึ่ง เพราะ “จิตใจ” ในที่นี้หมายถึง “ตัวรู้” ที่เป็น “นามธรรม” ไม่ใช่ “หัวใจ” ทางกายภาพหรือ “รูปธรรม” ..แล้วทีนี้ ที่ “จิตใจ” มันเร่าร้อนก็เนื่องเพราะมันมีความสำคัญมั่นหมาย…ที่มันสำคัญมั่นหมายก็เพราะมัน “ไม่รู้” หรือ “รู้ไม่จริง” ตามเป็นจริง…ซึ่งมันเป็นความ “รู้สึก” จะใช้อย่างอื่นเข้าไปแก้ไปดับร้อนให้ก็คงเป็นไปได้ยาก…นอกจาก “ปัญญา” …แต่ลำพัง “ปัญญาทางโลก” ก็คงจะช่วยได้ระดับหนึ่ง…มีเพียง “ปัญญาทางธรรม” เท่านั้นที่จะมีคุณภาพมีศักยภาพมากจนสามารถที่จะหยั่งเข้าไปถึง “เหตุ” ที่เป็น “นามธรรม” ได้แล้วจึงดับที่เหตุ…”ผล” ก็จึงจะเกิดขึ้น…อย่างน้อยๆ ก็ไม่ “ปรี๊ดดด” ล่ะ…มากกว่านั้นก็ “เย็น” เสมอต้นเสมอปลาย…แล้วแต่บุญวาสนาศรัทธาความเพียรของใครของมัน…ในที่นี้เราขอเปรียบ “ปัญญาทางโลก” เสมือนน้ำ…ส่วน “ปัญญาทางธรรม” นั้นก็ประมาณ “สารหล่อเย็น” นั่นแหละ !!! 5 5 5… “

บางตอนในการบรรยายธรรม
โดย…ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม

“Coolant in my mind”

“The coolant”“Meditation” is like to produce “Coolant” to our mind. Normally, we control the heat by using cooler substances in order to make equilibrium and keep the system not too hot. In an ancient time, we can easily use “Water” to control the heat. However, “Chemical” which is more effective than “Water” is now used instead of water to overcome the heat. In a situation that our mind is het up (anxious), “Water” or “Medicine” can be applied, but it can not absolutely defeat the heat since “Mind” here refers to “Knower” that is abstract noun not a “heart” of physical. “Mind” is het up accordingly to its attachment. The attachment which is served as the “feel” results from “not knowing” or “does not really know the truth (as it should be)”. Hence, it is difficult to overcome the heat by using anything other than the “Wisdom”. The “worldly wisdom” would be a help. However, only the “wisdom in Dharma” is more effective and has a potential to reach the “Cause” and stop a cause of heating. So that the result of the action is happened at least not to make us explode (Preed!!!) or more than that is constantly cool down the heat depending on a faith, an effort, and an activity in the past of each people. In the circumstances, I would like to compare the “worldly wisdom” as water while the “wisdom in Dharma” refers to “Coolant”. 5 5 5 …

Translated by : Russamee Prompichai

พระอาจารย์อนุโมทนาบุญ..ให้พรญาติโยม
อัคคะโต เว ปะสันนานัง อัคคัง ธัมมัง วิชานะตัง เมื่อบุคคลรู้จักธรรมอันเลิศ เลื่อมใสแล้วโดยความเป็นของเลิศ
อัคเค พุทเธ ปะสันนานัง เลื่อมใสแล้วในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ
ทักขิเณยเย อะนุตตะเร ซึ่งเป็นทักษิไณยบุคคลอันเยี่ยมยอด
อัคเค ธัมเม ปะสันนานัง เลื่อมใสแล้วในพระธรรมอันเลิศ
วิราคูปะสะเม สุเข ซึ่งเป็นธรรมปราศจากราคะแลสงบรำงับเป็นสุข
อัคเค สังเฆ ปะสันนานัง เลื่อมใสแล้วในพระสงฆ์ผู้เลิศ
ปุญญักเขตเต อะนุตตะเร ซึ่งเป็นบุญเขตอย่างยอด
อัคคัสมิง ทานัง ทะทะตัง ถวายทานในท่านผู้เลิศนั้น
อัคคัง ปุญญัง ปะวัฑฒะติ บุญที่เลิศก็ย่อมเจริญ
อัคคัง อายุ จะ วัณโณ จะ อายุ วรรณะ ที่เลิศ
ยะโส กิตติ สุขัง พะลัง แลยศเกียรติคุณ สุขะ พละ ที่เลิศย่อมเจริญ
อัคคัสสะ ทาตา เมธาวี อัคคะธัมมะสะมาหิโต ผู้มีปัญญาตั้งมั่นในธรรมอันเลิศแล้ว, ให้ทานแก่ท่านผู้เป็นบุญเขตอันเลิศ
เทวะภูโต มะนุสโส วา จะไปเกิดเป็นเทพดาหรือไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม
อัคคัปปัตโต ปะโมทะตีติ ย่อมถึงความเป็นผู้เลิศบันเทิงอยู่ ดังนี้แล.

ขออนุโมทนาบุญในกุศลจิตกับทุก ๆ ท่าน ด้วยค่ะ…
ขอให้ท่านเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะคะ สาธุ…สาธุ…สาธุ