ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม วัดป่าน้ำโจน อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เมตตานำนั่งภาวนาและสนทนาธรรม ตามคำกราบนิมนต์ของ ผศ.ดรศิริรัตน์ ณ ระนอง คณบดีคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ ห้อง LA 107 คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์… เมื่อวันที่ ๗-๘ มิถุนายน ๒๕๖๘…ในโอกาสนี้พระเทพวชิรกิตติเมธี รองเจ้าคณะภาค ๑-๒-๓ (ธรรมยุติ), ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร ได้เมตตามาร่วมนั่งภาวนา เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย ขอน้อมกราบในความเมตตาของท่านเจ้าคุณด้วยค่ะ..และขออนุโมทนาบุญกับญาติโยมทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ..สาธุๆๆ

พระอาจารย์เมตตานำนั่งภาวนา
เป็นเวลา 2 ชั่วโมง

พระเทพวชิรกิตติเมธี
รองเจ้าคณะภาค ๑-๒-๓ (ธรรมยุติ), ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสมนัสราชวรวิหาร

ผศ.ดร.ศิริรัตน์ ณ ระนอง
คณบดีคณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ผู้กราบนิมนต์ท่านพระอาจารย์

ผศ.ชนยา ด่านสวัสดิ์
รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

คุณครูโรงเรียนจิตรลดา

ผศ.ผ่องพรรณ ไกรนรา
คณะศิลปศาสตร์
สาขาวิชาสเปน
และลาตินอเมริกันศึกษา
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ท่านอรรถวิทย์ ยาวะประภาษ
ผู้พิพากษาศาลฏีกา
และภรรยา

พี่แบงค์ พี่กิ๊ฟ
สามีภรรยาผู้ใฝ่ธรรม

น้องเอพริล นักศึกษาชั้นปีที่ 2
คณะคณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์
สาขาวิชาการเงิน ABAC
และคุณพ่อ
ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม
นำสวดมนต์ทำวัตรเย็น

เพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

อิติปิ โส ภะคะวา, เพราะเหตุอย่างนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
อะระหัง, เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทโธ, เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน, เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
สุคะโต, เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
โลกะวิทู, เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ, เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้ อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
สัตถา เทวะมะนุสสานัง, เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พุทโธ, เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
ภะคะวาติ. เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้.

สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
สันทิฏฐิโก, เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก, เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เอหิปัสสิโก, เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก, เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหี ติ. เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้.

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว
ยะทิทัง, ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา, คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษ ได้ ๘ บุรุษ
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อาหุเนยโย, เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
ปาหุเนยโย, เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
ทักขิเณยโย, เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
อัญชะลีกะระณีโย, เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ. เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้.

ร่างกาย..คือ พื้นที่สะท้อน “ปัญหา” เพื่อให้ “จิต” วิเคราะห์และแก้ไขตัวมันเอง..ซึ่งถ้าแก้ได้..คือ “จิต” เห็นจริงตามเป็นจริงว่าร่างกายธาตุขันธ์นี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของ ๆ เรา..มันก็จะปล่อยจะวางเอง..ความเบาความโล่ง ความโปร่ง..ความ “ว่าง” ก็จะบังเกิด…แต่ในทางกลับกัน..ถ้า “จิต” ยังยึดยังถือ ยังสำคัญมั่นหมายว่า..เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ ร่างกายธาตุขันธ์นี้อย่างเป็นจริงเป็นจังอยู่..ก็จะรู้สึก ทุรนทุราย เร่าร้อนวุ่นวาย อึดอัดขัดข้องไปหมด…การมา “นั่งภาวนา” นี่แหละ..คือบทพิสูจน์ให้เห็นอย่างแจ่มชัด..ระหว่าง “ความจำ” กับ “ความจริง”“สัญญา” กับ “ปัญญา” นี่แหละ… “อรรถะ” ของ “สภาวะ”ปัจจัตตัง…สันทิฏฐิโก…ผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้ด้วยตนเอง…

– ท่านพระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม –

พระอาจารย์อนุโมทนาบุญ..ให้พรญาติโยม
อัคคะโต เว ปะสันนานัง อัคคัง ธัมมัง วิชานะตัง เมื่อบุคคลรู้จักธรรมอันเลิศ เลื่อมใสแล้วโดยความเป็นของเลิศ
อัคเค พุทเธ ปะสันนานัง เลื่อมใสแล้วในพระพุทธเจ้าผู้เลิศ
ทักขิเณยเย อะนุตตะเร ซึ่งเป็นทักษิไณยบุคคลอันเยี่ยมยอด
อัคเค ธัมเม ปะสันนานัง เลื่อมใสแล้วในพระธรรมอันเลิศ
วิราคูปะสะเม สุเข ซึ่งเป็นธรรมปราศจากราคะแลสงบรำงับเป็นสุข
อัคเค สังเฆ ปะสันนานัง เลื่อมใสแล้วในพระสงฆ์ผู้เลิศ
ปุญญักเขตเต อะนุตตะเร ซึ่งเป็นบุญเขตอย่างยอด
อัคคัสมิง ทานัง ทะทะตัง ถวายทานในท่านผู้เลิศนั้น
อัคคัง ปุญญัง ปะวัฑฒะติ บุญที่เลิศก็ย่อมเจริญ
อัคคัง อายุ จะ วัณโณ จะ อายุ วรรณะ ที่เลิศ
ยะโส กิตติ สุขัง พะลัง แลยศเกียรติคุณ สุขะ พละ ที่เลิศย่อมเจริญ
อัคคัสสะ ทาตา เมธาวี อัคคะธัมมะสะมาหิโต ผู้มีปัญญาตั้งมั่นในธรรมอันเลิศแล้ว, ให้ทานแก่ท่านผู้เป็นบุญเขตอันเลิศ
เทวะภูโต มะนุสโส วา จะไปเกิดเป็นเทพดาหรือไปเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม
อัคคัปปัตโต ปะโมทะตีติ ย่อมถึงความเป็นผู้เลิศบันเทิงอยู่ ดังนี้แล.

สาธุๆๆ..ขอน้อมกราบในความเมตตา
ของท่านเจ้าคุณด้วยนะคะ
และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

พบกันอีกครั้งวันเสาร์ ที่ 19 กรกฎาคม 2568 ค่ะ