บรรยายธรรมคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน 2556
 "ตึกเอกาทศรถ มหาวิทยาลัยนเรศวร "
...โดยมี
น้องกรณัฐ เมธีสุทธิพรรณ (น้องคิม) หัวหน้าชมรมพระพุทธศาสนา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
เป็นผู้กราบนิมนต์
ท่านพระอาจารย์อังคาร    อัคคธัมโม นำปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างบารมีและเป็นกำลังใจเแก่นิสิต
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
กิจกรรม "ตอนเย็น" เวลาประมาณ 17.00 น. ของ "วันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน 2556"

                                                                                                                                   หลักจิต...หลักใจ

  “....บางคนเดือนหนึ่งหรืออาจจะเป็นปีก็มีที่ไม่เคยได้สวดมนต์ทำวัตร หรือนั่งสมาธิภาวนาเลย...แต่การฟังเทศน์ – ฟังธรรม นั้นก็ค่อนข้างจะมีโอกาสมากกว่าอยู่แล้ว..ด้วยเหตุนี้ในเมื่อวันนี้เรามีโอกาสได้จัดกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ “ศาสนาพุทธ” ได้นิมนต์พระสงฆ์มา...เผอิญพระที่มาคืออาตมานี่ก็ไม่ใช่พระนักเทศน์ซะด้วย..ก็น่าที่จะพากันทำในสิ่ง ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำกันคือ  สวดมนต์ทำวัตรเย็นเพื่อระลึกถึงคุณงามความดี...ระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วนำคำสอน นั้นสืบทอดมาจนถึงยุคของพวกเรา...ต่อจากนั้นก็พากันลงมือปฏิบัติตามคำสอนนั้น...คือละชั่ว ทำดี และก็พยายามทำจิตใจให้บริสุทธิ์...คนเรามันจะชั่วจะดีมันก็อยู่ที่จิตที่ใจ....จิตใจ ในที่นี้ก็คือความรู้สึกนึกคิดของเรานี่แหละ...มานั่งดูมันซิว่ามันจะไปทางไหน...มันคิดที่จะไปอาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรมกับใครมั๊ย ?...มันคิดที่จะไปเบียดเบียน ผู้อื่นสัตว์ อื่นให้เดือดร้อนมั๊ย ฯลฯ ...ถ้ามันไปอย่างที่ว่ามานี่ก็ให้ “ละ” ให้ “วาง” ซะ เพราะมันเป็นความคิดที่ “ชั่ว” ที่ “ไม่ดี”  มันจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเองในภายหลัง...ถ้าละถ้าวางได้นั่นล่ะเรียกว่า “ทำดี” แล้ว....ทีนี้ก็ให้พยายามอยู่กับคำบริกรรมให้มาก ๆ เข้าไว้...คำบริกรรมนั้นก็แล้วแต่ใครจะถนัดอะไร ? ...แต่ในสายของพระป่ากรรมฐานของหลวงปู่มั่น  ท่านให้กำหนด “พุทโธ” หรือ จะดูลมหายใจเข้า – ออก เป็นส่วนมาก ซึ่งอาตมาจะใช้วิธีหายใจเข้าก็กำหนดว่า “พุท” หายใจออกก็กำหนดว่า “โธ”  เป็นหลัก ถ้าใครชอบจะทำตามก็ได้...จุดมุ่งหมายคือให้ “จิต” ซึ่งมันเป็น “ธาตุรู้” มันจะได้มีที่เกาะที่เกี่ยวไม่อย่างนั้นมันก็เที่ยวออกรู้ไปหมด ถ้ามันรู้อยู่กับลมหายใจเข้า “พุท” ลมหายใจออก “โธ” มันก็ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับที่อื่นเรื่องอื่นแต่ถ้ามันออกไปจากนี่ มันก็ไปที่อื่น...ที่อื่นในที่นี้คือ...คุณสำคัญมั่นหมายในเรื่องอะไรมันก็ไปตรงนั้นแหละ...ห่วงบ้านก็ไปปรุงแต่งเรื่องบ้าน ห่วงงานก็ไปวุ่นอยู่กับงาน ฯลฯ  ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ตรงนี้แหละ....พระพุทธเจ้าท่านจึงให้มาฝึก คือ มาฝืนความคิดความเห็นเดิม ๆ ของพวกเรา...เพื่อที่จะให้พวกเราก้าวเข้าไปสู่ความสงบ คือสงบจากความคิด  ความปรุง  ความแต่ง  กับเรื่องราวต่าง ๆ นั่นแหละจะได้เป็นฐานผลิต ปัญญาให้รู้รอบในกองสังขารอันจะนำไปสู่ “ความพ้นทุกข์” ต่อไป....ซึ่งในที่นี้พวกเราคงไม่มีความจำเป็นที่จะไปลงลึกถึงขนาดนั้นหรอก...แต่ที่เกริ่นมาซะยืดยาวก็เพียงเพื่อจะให้พวกเรา ได้รู้หลักการที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ เอาไว้บ้างพอเป็นแนวทางสำหรับคนที่ยังไม่รู้ ส่วนคนที่รู้แล้วก็ให้ประมวลหาบทสรุปเอาไปใช้กับวิถีชีวิตของตัวเอง  ให้มันพอดีกับเพศภาวะ  สถานะ  กาลเทศะของใครของมัน...นั่นล่ะ “ธรรมะ” ...เอ้า !!! ทีนี้ก็ให้พากันตั้งใจสวดมนต์ทำวัตร แล้วก็นั่งสมาธิภาวนาต่อสัก  20 นาที หลังจากนั้นใครมีอะไรก็ค่อยว่ากันเน๊าะ !!!...”

                                                                                                                                                                                                                                                       (ท่านพระอาจารย์อังคาร   อคฺคธมฺโม)

..ท่านพระอาจารย์.. นำคณาจารย์และนิสิตสวดมนต์ทำวัตรเย็น..
พันเอก น.พ.ทวีศักดิ์ นพเกษร
โสต ศอ นาสิก แพทย์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิต คณะแพทยศาสตร์ รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร
นพ.สธน ธรรมอำนวยสุข
ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวาร
รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร
พญ.อินทิพร โฆษิตานุฤทธิ์
ฝ่ายวิสัญญีวิทยา รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร
ดร.จันทร์จิรา วสุนธราวัฒน์
ภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวร
ดร.อภินันท์ ลิ้มมงคล
ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 
น้องภานุ ปาพันธ์
นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 2
(รองประธานชมรมพระพุทธศาสนา)
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
น้องประพันธ์ ภู่พุ่ม
นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 4
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
น้องวรินญา ดีปานา
(แพทย์นิวแทรค)
นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยนเรศวร
น้องสราญภัทร ภู่ไทย
นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 4
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
จากนั้นนั่ง "ภาวนาอีก 30 นาที "
นพ.พีระพงศ์ เธียราวัฒน์ ประสาทศัลยแพทย์ รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร (รองผู้อำนวยการ รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร)
คุณยายนันทนา นาคอินทร์
ผู้ก่อตั้ง "วัดป่าน้ำโจน"
ดร.กมล ไม้กร่าง
ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวร 
คุณนุชนาถ มากทรัพย์
ผู้ก่อตั้ง "วัดป่าน้ำโจน"
ผศ.ดร.อรระวี คงสมบัติ
หัวหน้าภาควิชาสรีรวิทยา
คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
..น้องๆ นิสิตแพทย์ ชั้นปีที่ 1 และปีที่ 2..
...ถ้าเรา "ยิ่งละ" "ยิ่งวาง" ก็จะทำให้เรา "ยิ่งโปร่ง.. โล่ง.. สบาย.."...
...แผ่เมตตาหลังจากนั่งภาวนาเสร็จ...
สาธุ...บุญกุศลใดหากเกิดขึ้นแล้วมีขึ้นแล้วแก่ข้าพเจ้านี้ ก็ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ในวัฏสงสารนี้
ทุกผู้ทุกคน ทุกรูปทุกนาม ทุกตัวทุกตน ขอจงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนี้ด้วย หากตกทุกข์ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้าถึงสุขแล้วก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ...สาธุ
   
                                                                                                                    ...จิตสำนึก...                   
                           "...ในเมื่อมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียนแล้ว ก็น่าที่จะได้มีจิตสำนึกที่ดีขึ้นด้วยนะ...ความรู้ที่แท้จริงนั้นต้องสามารถนำไปบริหารจัดการชีวิตของตัวเองได้ด้วย... ไม่ใช่มีไว้เพียงเพื่อสอบเอาคะแนนเฉย ๆ...  เราเคยเห็นคนมีการศึกษาสูง  ๆ มีหน้าที่การงานดี  ๆ หลายคนประสบความสำเร็จในชีวิต ..แต่เราก็เคยเห็นคนที่เรียนมาน้อยแล้วประสบความสำเร็จในชีวิต ก็มีเหมือนกัน... ในขณะเดียวกันก็มีคนที่ทั้งได้รับการศึกษาเล่าเรียนมาดีและด้อยการ ศึกษา ที่ประสบกับความล้มเหลวในชีวิตเหมือนกันก็มี...ซึ่งบางคนยอมรับกับสภาพของตัวเองไม่ได้ถึงขนาดฆ่าตัวตายก็มี...ประเภทหลังนี้ถ้าพูดในแง่ "ทางโลก" ความรู้ที่มีคงเอาไว้สอบเพื่อเอาแผ่นกระดาษ (ใบประกาศนียบัตร / ใบปริญญา)  ไว้การันตีตัวเองว่าได้ศึกษาเล่าเรียนมาเท่านั้นล่ะมั้ง...  คงไม่ได้มีไว้เพื่อบริหารจัดการชีวิตของตัวเอง ให้สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางความซับซ้อนวุ่นวาย แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันแบบนี้..แต่ถ้าพูดในแง่ของ "ทางธรรม" ก็คงเป็นเรื่องของ "กรรม" ล่ะนะ.. ดังนั้นความรู้ความสามารถ  ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียนในตำราแต่เพียงอย่างเดียว    ก็คงไม่สามารถที่จะรับรองได้หรอกว่าคุณจะประสบกับผลสำเร็จ... ประสบกับความสุขความเจริญในชีวิตเสมอไป...หากแต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่จะรับรองได้ว่า..คุณจะมีความทุกข์ที่น้อยมากอยู่เสมอ... ไม่ว่าคุณจะประสบกับสิ่งที่พึงหวังหรือผิดหวัง.."จิตสำนึกที่ดี" ไง!!!..จิตสำนึกที่อยู่บนพื้นฐานของ "ธรรมะ"...จิตสำนึกที่เป็นธรรม..พึงเตือนตนเองอยู่เสมอ..อะไรมันจะเกิดมันก็เกิด ...แต่ทุกอย่างมันก็ไม่เที่ยงหรอก ...ในเมื่อมันเกิดได้มันก็ดับได้..หัดมีจิตสาธารณะ...รู้จักการให้...รู้จักการเสียสละ ให้มาก ๆ เข้าไว้...จะได้มีภูมิคุ้มกันทางด้าน จิตใจ...มันจะได้ไม่เหวี่ยงไปสุดขั้ว...เมื่อสมหวังหรือผิดหวัง..."
                                                                                                                                                                                                                                (พระอาจารย์อังคาร    อคฺคธมฺโม)
                                                                                                                
                                                                                                                   Being Conscious.                   
                    "  The one who has good opportunity to study should be good conscious also. The real knowledge must be
able to administer one's own life too. Not only have it for taking examination. I have ever seen highly educated men with good job and low educated men, both are successful in their life. At the same time there are  a lot of people who are high education and low education,  both are  not successful in their life which some  of them can not  accept  own status  until  they  commited  suicide.  In  society  of  the  world,  these  people  study  for getting certificated education in order to guarantee themselves that they used of study, but they can not use it administer their life to live in the midst of intricate, riotous and disputable society Even if talk about "Dhamma" way, it may be the title of "Kamma". So the  knowledge  which only  study from a text book is not enough to guarantee that  you will  suceed and be happy in your life also.  However  there is  one thing  that can  guarantee you that you always get little suffering. Eventhough you may be hopeful or hopeless as well as this is called "Good Conscious". The  conscious  which bases on  "Dhamma"  is to remind yourself that don't  worry what will happen ,  let it go. Everything is impermanent ,  there is arising, there is decay. Remind yourself  to  be   "Public Spirit"  and  know  how  to  give,  donate a lot in order to vaccinate your mind from "Over Feeling" when you get hopeful and hopeless."                                                                                                                                                                         
                                                                                                                                                                                                                           Translated by
: Russamee   Prompichai
คุณสุภารัตน์ นาคปั้น
เจ้าหน้าที่ฝ่ายระบบสนามบินสุวรรณภูมิ
Samart Corporatiion
Public Company Limited
น้องจิระเศรษฐ์ ภิญโญโสภณ
(แพทย์นิวแทรค)
นิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยนเรศวร
ดร.อภินันท์ ลิ้มมงคล
ภาควิชาชีวเคมี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
น้องนิสิตชั้นปีที่ 1
คณะแพทยศาตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
"รับพรจากท่านพระอาจารย์"
สนทนาธรรม..นอกรอบ
ดร.จันทร์จิรา วสุนธราวัฒน์
ภาควิชาสรีรวิทยา
คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวร
ผศ.ดร.อรระวี คงสมบัติ
หัวหน้าภาควิชาสรีรวิทยา
คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวร
ดร.อภินันท์ ลิ้มมงคล
ภาควิชาชีวเคมี
คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวร
ดร.กมล ไม้กร่าง
ภาควิชาชีวเคมี
คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์
มหาวิทยาลัยนเรศวร 

..น้องๆ นิสิตแพทย์ ขอโอกาสถ่ายรูปร่วมกับพระอาจารย์เพื่อเป็นที่ระลึก..

"ขออนุโมทนาบุญ "ทิดเก็ท, คุณอรรถวุฒิ เขียวบ้านยาง
Site Engineering Firstcon Service Co.,Ltd.
"
ที่มาเป็น "ตากล้อง" ให้ในกิจกรรมครั้งนี้"
"ขออนุโมทนาบุญในกุศลจิตกับ
ทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ"
ขออนุโมทนาบุญกับ
น้องกรณัฐ เมธีสุทธิพรรณ

หัวหน้าชมรมพระพุทธศาสนา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
(ผู้นิมนต์ท่านพระอาจารย์)
 
" ขอให้ท่านเจริญรุ่งเรือง ทั้งทางโลกและ
ทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป นะคะ"
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
อนุโมทนาบุญร่วมกันใหม่... หลังออกพรรษานะคะ
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *